10 วิธีบำรุงผิว ให้สว่างกระจ่างใสด้วยธรรมชาคิบำบัด
วิธีบำรุงผิว มีมากมายหลายวิธี แต่ถ้าคุณต้องการการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีธรรมชาติ ในบทความนี้เราจะมานำเสนอเทคนิคสำหรับการฟื้นฟูผิวให้สว่างกระจ่างใส แบบทำเองได้ที่บ้าน ผิวหน้าเป็นส่วนที่สำคัญของการแสดงออกตัวเองและการสร้างความประทับใจในสังคม การบำรุงผิวในส่วนต่าง ๆ ให้สะอาด กระจ่างใสอยู่เสมอ และไม่มีปัญหาเรื่องผิว เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ แต่การใช้ผลิตภัณฑ์เคมีหรือการทำศัลยกรรมอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์แบ้วเเต่บุคคลได้ ดังนั้น การบำรุงผิวด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การใช้สมุนไพร ผลไม้ น้ำมันพืช เป็นต้น จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีบางชนิด
การบำรุงผิวด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นการดูแลผิวหน้าที่ไม่ยุ่งยากและไม่ต้องใช้เงินเป็นอย่างมาก ถ้าคุณต้องการผิวหน้าที่สุขภาพดีและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ลองทดลองวิธีบำรุงผิวด้วยวิธีธรรมชาติดูสิ คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจแน่นอน
ผิวสว่างกระจ่างใสด้วยวิธีธรรมชาติ
แน่นอนว่าการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีธรรมชาตินั้น จะเห็นผลลัพธ์ที่ช้ากว่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมี แต่ก็สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสารตกค้างใดๆ อยู่ที่ผิวหนังของเรา การใช้เทคนิคธรรมชาตินั้นจำเป็นต้องทำต่อเนื่องปละเป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และจะมีวิธีการดูแลอย่างไรบ้างนั้นมาดูกัน
1. การดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายคนเราและขาดไม่ได้เลย คิดเป็นร้อยละ 60% – 70% ของน้ำหนักตัว หน้าที่ของน้ำมีความสำคัญหลายอย่าง เช่น ช่วยในการลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ช่วยในการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย และช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย และน้ำนี่เองจะช่วยให้ผิวของเรากระจ่างใส มีความชุ่มชื่น ถ้าหากเราดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ และเพียงพอรับรองได้เลยว่าผิวของคุณจะใส และมีสุขภาพดีอย่างแน่นอน
2.การพอกหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ
การพอกหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติเป็นวิธีบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมมาช้านาน วัตถุดิบธรรมชาติส่วนใหญ่มีสารอาหารและคุณประโยชน์มากมายที่ช่วยให้ผิวสวยกระจ่างใส เรียบเนียน และสุขภาพดี
วิธีพอกหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ
- ทำความสะอาดผิวหน้าล้างเครื่องสำอางหรือครีมออก โดยใช้โฟมล้างหน้าหรือคลีนเซอร์ตามปกติ
- เตรียมวัตถุดิบตามสูตรที่ต้องการ
- บดหรือปั่นวัตถุดิบให้ละเอียดจนเป็นเนื้อครีม
- ทาส่วนผสมลงบนใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก
- ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ
- ทดสอบอาการแพ้วัตถุดิบที่ใช้ โดยการทาส่วนผสมของวัตถุดิบ ลงบนบริเวณท้องแขนหรือลำคอทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที หากไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถนำมาใช้กับใบหน้าและส่วนอื่น ๆ ได้
- ควรเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ผิวมันควรเลือกวัตถุดิบที่ช่วยลดความมัน ผิวแห้งควรเลือกวัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
- ควรพอกหน้าอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
3. การผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออก เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสและเรียบเนียนขึ้น การผลัดเซลล์ผิวสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การขัดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ขัดผิว การใช้สครับผิว และการลอกผิวด้วยกรดผลไม้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนแต่ในบทความนี้เราจะมานำเสนอวิธีการขัดผิวด้วยวิธีธรรมชาติ ที่สามารถหาวัตถุดิบได้ใกล้บ้านคุณ มีอะไรบ้านที่นิยมนำมาขัดผิวกันบ้าง
- การขัดผิวด้วยผงทานาคา
- ขัดผิวด้วยผงขมิ้นชัน สามารถขัดได้ทั้งตัว
- ใช้กากกาแฟ ที่ใช้เเล้วมาขัดเบาๆ
- มะขามเปียก มะขามเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ใช้มะขามเปียดผสมน้ำให้พอหนึดๆ แล้วทาพอกไว้บริเวณที่ต้องการ
- เกลือทะเล รูปทรงของเกลือทะเลจะมีรูปร่างคล้างเม็ดทราย เวลาใช้ขัดต้องขัดเบา ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความคมของเม็ดเกลือ
- น้ำตาลทรายแดง มีบางสูตรผสมกับน้ำพึ่ง เพื่อช่วยให้ยืดเกราะกับผิวได้
ข้อควรระวังในการขัด วิธีการบำรุงผิว ด้วยวิธีธรรมชาติ
- ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้วัตถุดิบธรรมชาติบางชนิด เช่น มะขามเปียก มะนาว มะเขือเทศ
- ไม่ควรขัดผิวถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง
- ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวในบริเวณที่มีแผลหรือผิวที่อักเสบ
การขัดผิวด้วยวิธีธรรมชาติควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน และสุขภาพดี
4. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิว
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำร้ายผิวไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณมีความรู้และความตั้งใจ เราจะแนะนำวิธีการป้องกันผิวจากสิ่งที่อาจทำให้ผิวเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ควัน ฝุ่น หรือแม้กระทั่งความเครียด คุณพร้อมที่จะรู้ไหม? เริ่มกันเลย!
- เมื่อต้องเผชิญกับเเสงแดด ควรมีร่มหรือใส่หมวก เพื่อป้องกันไม่ได้ผิวโดนรังสียูวีโดยตรง และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกมาทำกิจกกรมข้างนอก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และอยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่จะทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น และทำให้ผิวแห้ง เหี่ยวย่น และมีรอยตีนกาเกิดขึ้นในอนาคต ถึงเราจะไม่ได้สูบแต่เราดมกลิ่นเข้าไปก็เหมือนเราสูบบุรี่นั้นเอง
- การมาคเพื่อบำรุงผิวในส่วนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผิวแข็งเเรง ไม่ไวต่อเเสง
- เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ comedogenic (ไม่อุดตันรูขุมขน) เพื่อป้องกันการเกิดสิวและการอักเสบของผิว อาจจะทำให้เกิดรอย หรือจุดด่างดำได้
- หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ และลดความเครียด เพราะความเครียดจะกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ซึ่งจะทำให้ผิวแพ้ง่าย เป็นสิว และเสื่อมสภาพ
5. รับประทานอาหารที่สารอาหารกับผิว
อาหารผิว คือ อาหารที่ช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื่น มีสุขภาพดี และไม่แพ้ง่าย ส่วนใหญ่จะพบใน ผัก ผลไม้ ถั่ว ปลา ไข่ เป็นต้น อาหารผิว ไม่ได้มีเพียงประโยชน์ต่อผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้อีกด้วยเพราะอาหารผิว เป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ไม่มีสารเคมีหรือไขมันมากเกินไป ถ้าคุณอยากมีผิวที่สดใส เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะกับผิว เป็นประจำ คุณก็จะได้ผิวที่เปล่งประกาย มีออร่า เหมือนดาราดังๆ เลยทีเดียว
6. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับการดูแลผิว ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง และการออกกำลังกายแบบโยคะ การออกกำลังกายนั้นทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ระบบเลือดได้หมุนเวียน และที่สำคัญเราต้องดื่มน้ำให้เหมาะสมเพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปในส่วนที่สำคัญได้อย่างทั่วถึง แถมยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย ออกกำลังกายดีอย่างไร มาดูกัน
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่ไวต่อเเสง การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและออกซิเจนไปยังเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนทานต่อปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด และอนุมูลอิสระ
- ออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูสดใส หากคุณสังเกตคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะเห็นได้ว่าผิวมีความชื่มชื้น ไม่แห้งก้าน
- ช่วยทำให้ผิวกระชับ การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และสารทำจำเป็นต่อร่างกายอื่น ๆ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวกระชับ การออกกำลังกายเป็นประจำจึงมีส่วนช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และดูกระชับ ไม่เหี่ยวย่น
- ช่วยลดปัญหาผิว การออกกำลังกายช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนความเครียด คล้ายความเครียดได้ เช่น คอร์ติซอล ซึ่งหากมีระดับสูงเกินไปอาจทำให้ผิวเกิดปัญหา เช่น ผิวมัน เป็นสิวเรื้อรัง ริ้วรอยชัดขึ้นก่อนวัย และผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส การออกกำลังกายเป็นประจำจึงมีส่วนช่วยลดปัญหาผิวเหล่านี้
7. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงเวลานอนเราแต่ละคน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้น การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ มีส่วนช่วยดูแลผิวให้ดีขึ้นได้ได้ดังนี้
ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ในช่วงที่เราหลับ ร่างกายยังจะทำงานอยู่ในส่วนที่ต้องซ่อมแซ และจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในการซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่เสียหายได้รับการฟื้นฟู
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่ให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างที่เราตื่นอยู่ ทั้งการทำกิจกกรมต่าง ๆ ทำให้เราศูนย์เสียน้ำ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มลื่นไม่แห้งกร้าน
ช่วยลดการอักเสบ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนความเครียดอาจทำให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย รวมถึงผิวด้วย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนความเครียด ทำให้ผิวไม่อักเสบ
ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ มลภาวะอาจส่งผลเสียต่อผิวได้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ผิวแข็งแรงและทนทานต่อมลภาวะได้ดีขึ้น
ดังนั้น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจึงมีความสำคัญต่อการดูแลผิว ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
8. ได้รับวิตามินเพียงพอ
วิตามินเป็นสารอาหารที่เรียกได้ว่าจำเป็นต่อร่างกายของเราทุกคน โดยวิตามินบางชนิดมีส่วนที่จะช่วยดูแลผิวของเรา ให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ มีวิตามินอันไหนบ้างนั้นดังนี้
- วิตามินAช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และลดการอักเสบ
- วิตามินC มีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะ
- วิตามินE เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ผิวจากรังสียูวีและมลภาวะ
- วิตามิน B3 ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยลดการอักเสบ และลดเลือนรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้น
- วิตามิน B5 ช่วยmeให้ผิวชุ่มชื้น และลดการอักเสบของผิว
นอกจากนี้ วิตามินบางชนิดยังอาจช่วยดูแลปัญหาผิวเฉพาะทาง เช่น
- วิตามิน D อาจช่วยป้องกันโรคสะเก็ดเงิน
- วิตามิน K อาจช่วยรักษาผิวอักเสบและรอยคล้ำ
9. ป้องกันผิวจากแสงแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวไหม้แดด ริ้วรอย จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง ดังนั้นการป้องกันผิวจากแสงแดดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การมีเครื่องป้องกันผิวจากแสงแดดนั้นก็สำคัญเช่นกัน บางคนไม่ชอบทาครีม ก็สามารถใส่เสื้อคลุมที่ลด หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้เเสงกระทบกับผิวของเราโดยทั้ง อาจจะใช้เสื้อคลุม ใช้ร่ม สองสิ่งนี้หากคุณมีติดรถไว้ ของเหล่านี้จะช่วยปกป้องผิวของคุณ แถมยังช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้อีกด้วยนะ เดียวนี้แดดเเรงมาก !!
10. สูบบุหรี่มีผลกับผิว
ทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย การสูบบุหรี่จะทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง คอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและกระชับ ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
ทำให้ผิวหมองคล้ำ การสูบบุหรี่ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำและขาดความเปล่งปลั่ง
ทำให้ผิวแห้งกร้าน การสูบบุหรี่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งกร้านและลอกเป็นขุย
ทำให้ผิวเกิดปัญหาต่างๆ การสูบบุหรี่อาจทำให้ผิวเกิดปัญหาต่างๆ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวหนังอักเสบ และมะเร็งผิวหนัง
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งปอดและโรคมะเร็งอื่นๆ โรคถุงลมโป่งพอง โรคกระดูกพรุน และโรคฟันผุ
โฉมงาม เราได้รวบรวมเคล็ดลับมาไว้ให้ที่นี่เผื่อเป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตปะจำวัน การดูแลตัวเองนั้นก็สำคัญ ใส่ใจสุขภาพสักหนึด บำรุงร่างกายสักหน่อย จะทำให้เราสนุกกับชีวิตมากขึ้น มีสุขภาพร่างกายแข็งเเรง ไปเที่ยวได้ ใช้ชีวิตได้เต็มที่